ถามเบาๆ พยายามเพ่งมองทะลุช่องลูกกรงออกไป แต่ข้างนอกมืดจนมองอะไรไม่เห็น ดิฉันเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ อย่างระมัดระวัง ดิฉันไม่มีเพื่อนอยู่ที่นี่ อาจมีใครเล่นสกปรกกับดิฉัน “พี่แก้วเอง พี่แก้ว
เป็นผู้คุมที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณรุ้งไง” หน้าของเธอโผล่มาให้เห็นทางช่องลูกกรง “มีธุระอะไร” ดิฉันถามอย่างระแวง เธอหยิบยื่นของชิ้นหนึ่งให้ มันมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย และห่อไว้ด้วยกระดาษ
“พี่เอาขนมปังมาให้ คุณรุ้งคงจะหิว ...” “ต้องการอะไรจากรุ้งรึเปล่า” ดิฉันไม่ยอมรับห่อที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้น เนื่องจากยังระแวง “อย่าถามพี่อย่างนั้นซิคุณรุ้ง พี่ชอบคุณรุ้ง และสงสารคุณรุ้ง กินซะเถอะนะ
อย่าระแวงพี่เลย” ดิฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คิดไม่ถึงว่าดิฉันจะได้พบน้ำใจในที่ๆดิฉันสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ดิฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา สะอื้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว “อย่าร้องไห้ซิคุณรุ้ง นิ่งนะคนดี แล้วทาน
ขนมปังซะ” เธอปลอบโยนดิฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ซึ่งยิ่งทำให้ดิฉันน้ำตาไหลพรากลงมาอีก “พี่แก้วเรียกรุ้งว่ารุ้งเถอะ อย่าเรียกคุณเลย” ดิฉันร้องไห้ รับห่อขนมปังมาจากมือหยาบกระด้างนั้น พลางแก้ห่อ
ออก กลิ่นของมันชวนกินที่สุดในเวลานั้น ดิฉันอ้าปากกัดมันทันที มันเป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดเท่าที่ดิฉันเคยกินมา “รุ้งอย่าคิดมากนะ รุ้งน่ะยังโชคดีกว่านักโทษคนอื่นเยอะเลย นักโทษทั่วไปน่ะ เขานอน
รวมกันในห้องรวมเบียดเสียดกันขนาดทีเรียกว่าแทบจะไม่มีที่พลิกตัวด้วยซ้ำ ห้องของรุ้งเนี่ยสบายที่สุดเลยนะ รู้มั๊ย” “ทำไมเขาถึงให้รุ้งนอนห้องนี้ ล่ะพี่แก้ว” ดิฉันยังงุนงง บอกตามตรงว่าสิ่งที่ดิฉันเจอมา
ทั้งวันนั้นเรียกว่าโชคดีไม่ได้เลย “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พัสดีบอกกับผู้คุมทั่วไปว่า รุ้งมีอาการป่วยทางจิต ต้องแยกออกมาขังเพื่อรอตรวจสอบจากคณะแพทย์ก่อน ถ้าไม่มีปัญหาจึงจะปล่อยตัวให้ไปอยู่รวมกับ
นักโทษอื่น ..รุ้ง เอ้อ พี่ถามตามตรง รุ้งเคยเป็น...”เธออึกๆอักๆ ดิฉันอยากจะหัวเราะให้ลั่น พัสดีมันเอาเหตุนี้มาอ้างเพื่อจะแยกดิฉันออกมา มันคงหวังจะที่จะจัดการอะไรได้ตามใจชอบ ไอ้สารเลวเอ๊ย! ดิฉัน
ด่าเขาในใจ แต่อีกใจก็คิดว่าดีเหมือนกัน ที่ไ... อ่านทั้งเรื่อง