พอไปถึงปาย เราก็หารีสอตนอนกันแต่มันเต็มครับเต็มทุกที่ ให้ตายสิพี่ฝ้ายเลยเสนอไอเดียแบบคนที่เคยมาแล้วว่า ให้ไปเช่าเต็นนอนริมอุทยานเลย เราจึงมุ่งหน้าไปที่อุทยานที่พี่สาวผมว่า พอไปถึงผมเห็นแต่คนเต็มลานนั้นไปหมด ทุกคนคงมาด้วยจุดประสงค์เดี่ยวกับพี่ผมคือดูคอนเสิร์ตนี้แน่ๆเลย “จะดีหรือพี่ฝ้ายคนเพียบเลย” “ดีสิแบบนี้สิเข้าถึงธรรมชาติไงนายฟุต” ว่าแล้วพี่ก็ไปหาเจ้าหน้าที่โชคเรายังดีครับที่เหลือเต็นสุดท้ายพอดี แต่ที่ตั้งสิครับต้องหากันนานกว่าจะเจอที่ ก็แทบเย็นมันเป็ที่อยู่ปลายๆของริมห้วยน้ำนะครับ ออกจะเงียบดีแต่ก็มีเต็นอยู่ไม่ไกลกันอีกสองหลัง แต่ก็ห่างร่วม 20 เมตร เจ้าหน้าที่และผมช่วยกันกางเต็นพอเสร็จพี่ฝ้ายก็กลับมาพร้อมของกิน “กินๆเร็วงานจะเริ่มแล้ว” “พักให้หายเหนื่อยก่อนสิพี่” “ไม่ได้นะเดี่ยวไม่คุ้มค่าบัตรค่ารถไหนจะตั๋วเครื่องบินอีกเรามาไกลนะ” “รู้แล้วจะคุณแม่” พี่ฝ้ายก็อย่างนี้แหละครับแกเจ้ากี้เจ้าการบงการชีวิตผมเสมอ แต่ผมก็ยอมครับก็มีพี่สาวสวยก็ต้องคอยเอาใจแกธรรมดาครับ พองานเริ่มพี่สาวกับผมก็ได้ฟังเพลงในบรรยากาศสบายๆ พี่สาวผมแกก็สบายเกินเพราะ นานๆแกจะเป็นอิสระจากเดิมที่เป็นสาวแว่นหนาแก่เรียนแต่ตัวเรียบรอยพอมางาน นี้ก็ ใส่สายเดี่ยวสีดำสุดมั้นกระโปรงก็สั้นอวดสายตาหนุ่มๆแบบไม่กลัวหนาว แว่นก็ไม่ใส่ใช้คอนแทคเลนต์ แถมปล่อยผมยาวตรงสยายอวดความสวยจนหนุ่มๆที่มาในงานต้องจ้องกันตาเป็นมันจนผม สังเกตได้ ที่มีมาจีบขอเบอร์ก็สี่ห้าคนเลย แต่ที่มันจะยังไงอยู่ก็ตรงที่พี่ผมดื่มเบียร์ไปนับกระป๋องแทบไม่หมดสิครับ “พี่ฝ้ายดื่มน้อยๆหน่อยสิ เดี๋ยวเมาใครจะพากลับเต็น”
“ก็แกไงไอ้น้องชายพี่...” ห้าทุ่มเองพี่สาวผมเริ่มเมาไม่ได้สติแล้ว ผมเห็นแกดื่มอีกสองกระป๋องก่อนจะฟุบไปข้างๆไหล่ผม “พี่ฝ้ายกลับเต็นนะ” “ไม่กลั๊บ พี่จะอยู่.... จนงานจบ เอือกๆๆ” “ไม่ไหวแล้วพี่อย่างนี้” ผมพดยัง... อ่านทั้งเรื่อง