ก่อนนอนเค้ายังโทร.ไปคุยโน่นคุยนี่เสียมากมายซึ่งปกติเค้าไม่ค่อยได้โทร.ไปหรอกยกเว้นนานๆ ครั้งที่มีเรื่องด่วนเกี่ยวกับงานแต่ครั้งนี้ชวนคุยมากขึ้นในน้ำเสียงมิใช่เป็นการซ้ำเติมหรือเยาะเย้ยหรือก็เปล่า ซ้ำออกจะเป็นห่วง(หรือหวง)เสียมากกว่า ฉันจะคุยนานก็ไม่ได้ทั้งๆ ที่อยากจะคุยอยากจะถามเรื่องที่คาใจ แต่ก็กลัวผิดสังเกตคนในบ้านแม้ว่าสามีจะไม่อยู่ก็ตาม
เช้าวันใหม่ฉันรีบแต่งตัวไปทำงานแต่เช้าส่วนเค้าอยู่บ้านพักจะมาเช้าเมื่อไหร่ก็ได้เพราะบ้านอยู่บริเวณเดียวกันกับที่ทำงาน และในวันใหม่เค้าก็มาเช้าเหมือนกันในฝ่ายที่รับผิดชอบคนที่มาเช้าที่สุดก็ไม่น้อยกว่า แปดโมงเพราะเป็นหน่วยงานที่ทำเกี่ยวกับเอกสารไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยจึงมาเวลาปกติของราชการได้คือ แปดโมงครึ่ง
เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานปรากฏว่าหัวหน้านั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ โต๊ะของฉันแล้วดูเค้าสดชื่นมากฉันก็วางตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทีแรกเค้าก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมฉันจึง “นิ่ง” อย่างนี้ เค้าคงอยากจะรู้ว่าสีหน้าฉันวันนี้จะเปลี่ยนไปจากเมื่อวานมากแค่ใหนแต่คงต้องผิดหวังเพราะฉันก็วางตัวปกติเหมือนเดิม (แต่เค้าไม่รู้ในใจฉันว่ามันตุ้มๆ ต่อมๆ แค่ใหนยามเมื่อสบตาเค้า)
“เจ๊...เป็นไงบ้างนอนหลับสบายมั๊ยเมื่อคืน” เค้าเริ่มถามประโยคแรกเป็นการหยั่งเชิง
“สบายดีแล้วตัวเองล่ะมีอะไรหรือเปล่าเห็นรีบโทร.ไป ความจริงก็พบกันทุกวันอยู่แล้ว อ้อ.แล้วทำไมมาทำงานเร็วนักล่ะวันนี้” ฉันทั้งตอบทั้งถามทีเดียวเสร็จ
“ก็มันนอนไม่ค่อยหลับเลยต้องอาบน้ำมาทำงานก่อนเวลาหน่อย..เผื่อจะได้มีเพื่อนคุย” หัวหน้าดูท่าทางนอนไม่หลับจริงก็เห็นแววตาออกแดงๆ
“จะเอากาแฟมั๊ยจะไปชงให้” ฉันพยายามตัดบทแต่ไม่ใช่รำคาญหรอกนะ เป็นมารยาทที่ฉันจะชงกาแฟให้เค้าเสมอ
“ก็ดีเหมือนกัน ยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยเช้านี้”
ในจังหวะที่ฉันเดินหันหลังและกำลังชงกาแฟซึ่งต้องหันหลังให้เค้าอยู่นั้... อ่านทั้งเรื่อง