ผมเด็กกรุงเทพฯ ไปเป็นข้าราชการผู้น้อยอยู่ต่างจังหวัด นานๆ ครั้งจึงจะได้กลับเข้า กทม.สักครั้ง ถึงแม้ระยะทางจากจังหวัดที่ไปประจำอยู่จะใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ด้วยความจำเป็นด้านการเงินจึงต้องประหยัดเงินค่ารถไว้ใช้ด้านอื่นที่จำเป็นกว่า ระหว่างที่ประจำอยู่ในจังหวัด ก็ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองแบบคนอื่นเขา หน่วยของผมต้องออกไปอยู่ในชนบท พื้นที่ห่างไกล วันหนึ่งมีรถวิ่งเข้า-ออก หมู่บ้านเพียง ๒ เที่ยว หากเป็นเที่ยวเช้าก็พอจับรถเข้า กทม.ทัน เที่ยวสาย ก็ ได้แต่เที่ยวในตัวจังหวัด หน่วย และงานที่ผมไปประจำนั่น ไกลขนาด จะใช้โทรศัพท์มือถือแต่ละครั้งก็ต้องเดินหาสัญญาณกัน บางวันก็ชัด บางวันก็ไม่ชัด มีที่ใต้ต้นไม้ ใกล้ ๆ ที่พักของชาวบ้านเวลามาพบขอความช่วยเหลือ สัญญาณจะค่อนข้างแรง ผมก็ใช้ที่ตรงนี้คุยโทรศัพท์กับทางบ้าน และเพื่อน แต่สำหรับสาวคนที่คุยถึงนี้ ไม่ได้รู้จักกันทางโทร หรอกครับ เจอกันใน กทม.ตอนเข้ามาราชการ เพื่อชวนไป ทานข้าวกัน เธอสวยถูกใจมาก ขี้อาย แต่ชอบแอบยิ้มให้โต๊ะผม คงเพราะรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่า โต๊ะเราสนใจ เพราะมองเขาบ่อยมาก ไอ้เราเพิ่งมาจากบ้านนอก เงินเดือนเหลือ บวกกับเบี้ยกันดารที่หลวงจ่าย และค่าเดินทางมาราชการ ก็อู๋พอสมควร เลยเรียกเด็กบริกรมาบอกว่า ค่าอาหารของโต๊ะนั้น ให้มาเก็บที่ผม เมื่อเธอและเพื่อนทานเสร็จ
ก็เดินทางมาขอบคุณผม แล้วก็รีบออกไป ผมกับเพื่อนก็ได้แต่ยิ้ม ๆ กัน ด้วยความสนุก ไม่ได้คิดอะไร ทานข้าวเสร็จก็ออกเดินดูของกันต่อ เหมือนดวงของเราจะสมพงษ์กัน ผมมาเจอเธอเดินทางดูของอยู่คนเดียว ไอ้เพื่อนผมกระแทกผมจนเกือบชนเธอ เพื่อต้องการให้ผมเข้าไปคุยด้วย ผมก็กล้า ๆ กลัว ๆ อยู่เดี๋ยวเขาหาว่าเราไปล่วงเกินเขา ความที่ไปอยู่บ้านนอกซะนาน ประกอบกับทำงานบริการประชาชน ต้องทำตัวให้สุภาพเรียบร้อย ไม่ซุ่มซ่าม โดยเฉพาะกับสาว ๆ ในพื้นที่เป็นของต้องห้ามซึ่งผู้ใหญ่กำชับหนักหนา เมื่อเจอกันอีกครั้ง ผมก็แกล้งถามว่าหาซื้ออะไรอยู่รึเปล่า หรือว่ามาเดินเล่น เธอก็ว่ามาเดินเล่น ผมบอกว่ามาหาซื้อของใช้ไปต่างจังหวัด หากไม่รังเกียจ จะเดินเป็นเพื่อนได้รึไม่ เธอก็ยินดี เดินทางไปสักพัก ผมชักเมื่อย ก็ชวนเธอไปดูหนังรอบบ่าย เธอก็ตกลง สาบานได้ว่า ผมจำไม่ได้เลยว่าหนังที่ดูนั้นเป็นเรื่องอะไร เพราะมีอย่างอื่นให้สนใจมากกว่า
เป็นอันว่า... อ่านทั้งเรื่อง