คุณสายใจยังหลงคิดว่าปรีณาไปเรียนหนังสือตามปกติ และคงจะกลับไปที่บ้านของพนมในช่วงเย็นวันนั้น หารู้ไม่ว่าเด็กสาวแสนสวยสุดสวาทของเธอนั้นตอนนี้ไปอยู่ที่หัวหินแล้ว
เพราะความไม่รู้นั้นทำให้เธอกำชับกำชาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจตราสถานที่อยู่ที่บ้านให้แจ้งข่าวที่เกิดขึ้น ถ้า ปรีณากลับมา ก่อนที่จะตามพนมไปโรงพยาบาล
ที่โรงพยาบาลนั้น หลังจากหมอทำการตกแต่งบาดแผลและห้ามเลือดเรียบร้อยแล้ว พนมก็หลับไปเพราะความเหน็ดเหนื่อยบวกกับฤิทธ์ยานอนหลับที่หมอจ่ายให้
คุณสายใจถามไถ่อาการของพนมกับหมอที่ทำการรักษาพยาบาล ก็ได้รับคำตอบว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการกระทบกระเทือนทางสมองนั้นยากที่จะคาดเดาอะไรได้
"เรื่องที่คุณพนมจำตัวเองกับคุณสายใจไม่ได้นี่อาจจะเป็นแค่อาการเพียงชั่วคราว หรือยาวนานแค่ไหน ผมก็ยังให้คำตอบอะไรแน่นอนอะไรไม่ได้ในตอนนี้ครับ"
หมอเจ้าของกรณีพนม ให้คำตอบกับคุณสายใจ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า
"เพราะโดยทั่วๆ ไปการลืมเลือนนี้ก็กินเวลาไม่นานนัก พอร่างกายพักฟื้นได้สักพักหนึ่ง และมีคนใกล้ชิดคอยดูแล ส่วนใหญ่ความจำก็จะค่อยๆ คืนมาเอง แต่ก็มีบางรายเหมือนกันที่ความจำเสื่อมไปโดยไม่ฟื้นเลยเหมือนกัน"
คุณสายใจยกมือทาบอกอย่างหวั่นใจ ยกมือขึ้นจบศีรษะ
"คุณพระคุณเจ้าให้ช่วยคุ้มครองคุณหนึ่งด้วยเถิด"
หมอกล่าวปลอบใจคุณสายใจว่าทางโรงพยาบาลจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอาการของพนมให้ดีที่สุด หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาขอสอบปากคำคุณสายใจ ซึ่งเธอก็ตอบไปตามจริงทุกอย่าง
"คุณตำรวจต้องทำโทษไอ้โขมยสองคนนั่นให้หนักเชียวนะคะ.."
คุณสายใจกล่าวอย่างขุ่นแค้น กับสารวัตรเจ้าของท้องที่คือพันตรีสุเทพ ผู้ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้จักคุ้นเคยกับพนมพอสมควร ซึ่งนายตำรวจหนุ่มก็กล่าวตอบว่า
"ผมเองก็รู้จักคุณพนมดี รับรองว่าจะสืบสวนคดีนี้ให้อย่างเต็มที่ครับ"
จากนั้นเขาก็ถามคุณสายใจ
"คุณปาริฉัตรภรรยาของคุณพนมล่ะครับ คุณสายใจติดต่อได้หรือยัง"
แม่บ้านวัยกลางคนอึกอักนิดหนึ่ง ก่อนจะว่า
"คุณเอเธอไปต่างจังหวัดน่ะค่ะ ดิฉันก็พยายามติดต่ออยู่"
"ถ้าคุณปาริฉัตรติดต่อกลับมา รีบให้เธอติดต่อมาหาผมเลยนะครับ เพราะดูจากรูปการณ์สถานที่แล้ว โจรสองคนนั้นไม่ได้มุ่งเข้ามาโขมยสิน... อ่านทั้งเรื่อง