มาจะกล่าวถึงขุนช้าง หลังจากที่กลับมาจากงานบุญในวันนั้นแล้ว ก็เผ้าครุ่นคิดถึงแต่ท่าทีของพิมพิลาไลยที่มีต่อสามเณรพลายแก้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่วางใจ กลัวพิมพิลาไลยจะไปมีใจให้ไอ้เณรเสียงหวานนั่น อะฮ้า วิธีที่ดีเยี่ยมที่สุดก็คือ ไปขอมาเป็นเมียซะเลย เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ก็รีบเข้าไปนางเทพทองผู้เป็นมารดาทันที ซึ่งนางเทพทองนั้นจริงๆ แล้วก็มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เป็นรองนางศรีประจันผู้เป็นมารดาของพิมพิลาไลยเท่าใดนัก ด้วยในอดีตแล้วนางเคยได้เข้าไปประกวดหญิงงามพร้อมกับนางศรีประจัน แต่ด้วยนางดันตั้งท้องกับขุนศรีวิชัยผู้เป็นบิดาของขุนช้างก่อนแต่งงาน จึงทำให้นางพลาดโอกาสที่จะได้ตำแหน่งไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทำให้นางเผ้าเสียใจอยู่จนทุกวันนี้ และโทษตัวของขุนช้างในใจที่ทำให้นางต้องเสียโอกาส เลยพาลเกลียดขุนช้างไปโดยปริยาย
“แม่จ๋า แม่ ช้างมีเรื่องจะขอเข้าไปคุยด้วยได้ป่าว” ขุนช้างเคาะประตูห้องนอนของแม่ พลางกล่าวขออนุญาต
“เออ เดี๋ยวก่อน” เสียงตอบอู้อี้จากในห้องก่อนจะมีเสียงใส่เสื้อผ้าสวบสาบ แล้วประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นนางเทพทองซึ่งมีหน้าตาบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ
“แม่ ให้ช้างเข้าไปคุยในห้องแม่นะ นะจ๊ะ ความลับ ความลับ นะ” ขุนช้างออดอ้อนแม่ด้วยสำเนียงราวกับเป็นเด็กเล็กๆ
“เอ้า รีบๆ เข้ามา ข้ากำลังยุ่งเว้ย รีบๆ คุยนะ” นางเทพทองพูดเสียงกระด้างด้วยขุนช้างมาขัดอารมณ์ของนางทำให้นางต้องค้างเติ่งกลางคัน
ขุนช้างเห็นแม่อนุญาตก็รีบเดินเข้าไปในห้องของนางเทพทองทันที นางเทพทองก็ปิดประตูขัดกลอนแล้วหันเดินกลับมานั่งยังเตียง ขุนช้างก็มองตามร่างของนางเทพทอง พลางนึกชมเชยรูปร่างหน้าตาของมารดาของเขาในใจ นางเทพทองถึงจะมีอายุย่างเข้า 38 ปีแล้ว แต่รูปร่างของนางนอกจากจะอวบท้วมเพิ่มขึ้นนิดหน่อยแล้ว ทุกส่วนยังดูเยี่ยม ความอวบท้วมนิดๆ ของนางกลับยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเรือนร่างของนาง ยิ่งกว่าตอนวัยรุ่นเสียอีก
“เอ้า เอ็งมีอะไรว่ามา เสร็จแล้วก็รีบๆ ออกไป แม่ยังมีธุระต้องทำ ทำค้างไว้อยู่” นางเทพทองกล่าวอย่างไม่ดูดำดูดีลูกชายตนเอง เล่นเอาขุนช้างที่มาด้วยความลิงโลด หัวใจพองโตคับอก ต้องฝ่อแฟบลงไป
“เอ่อ คืองี้แม่ ช้างอ่ะ ตั้งแต่น้องแก่นแก้วเสียไป ช้างก็ว้าเหว่เหลือเกิน ช้างอยากจะได้ใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนกับช้าง และมามีหลานให้แม่ แต่ช้างก็ยังหาไม่พบ แต่ตอนนี้นะแม่ ช้างหาเธอคนนั้นพบ... อ่านทั้งเรื่อง