เศรษฐพงษ์ออกเดินทางจากเกาะโดยเฮลิค็อปเตอร์ตำรวจที่มารับถึงเกาะตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไม่มีฉากของการร่ำลาด้วยน้ำตา เพราะร่ำลาด้วยน้ำกามกันมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เศรษฐพงษ์หอมแก้มภรรยาเป็นการร่ำลา
และบอกฝากฝังภรรยาไว้กับวดี แล้วก็เดินไปขึ้นเฮลิค็อปเตอร์จากไป ในขณะที่มนทการเฝ้ามองตามจนเฮลิค็อปเตอร์บินลับหายไป แล้วเธอก็เดินเข้าไปทำงานต่อ วันนั้นทั้งวันมนทการพยายามทำตัวให้ดู
เป็นปกติ แต่วดีก็มองเห็นแววตาแห่งความเศร้าของลูกสาวอยู่ดี แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ เพียงแต่ดูเหมือนว่า มนทการจะเงียบลง เก็บตัวมากขึ้น ดูไม่ร่าเริงเหมือนทุกวัน แน่นอน การพรากจากสิ่งที่รัก
ย่อมเป็นทุกข์ ใครก็รู้ดีทั้งนั้น
เช้าวันหนึ่งหลังจากที่เศรษฐพงษ์จากไปได้ 5 วัน น้ำเย็นซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง ได้เดินทางกลับมาบ้าน เพราะโรงเรียนปิดเทอม การกลับมาของน้ำเย็นทำให้บรรยากาศในเกาะแช่มชื่นขึ้นมาบ้าง
เพราะถึงแม้ว่าน้ำเย็นจะโตขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ความขี้เล่น รักสนุกของเขาก็ยังไม่จางหายไป ยิ่งเขารู้ว่าเศรษฐพงษ์กลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้ง ทำให้ต้องจากมนทการไป ทำให้น้ำเย็นนึกสงสารพี่สาวใน
นามคนนี้มาก เพราะน้ำเย็นรู้ว่า ตลอดสองปีที่ผ่านไปนี้ ทั้งคู่ไม่เคยห่างกันแม้แต่วันเดียว เขาจึงพยายามยั่วเย้าให้มนทการยิ้มขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็สามารถทำให้มนทการคลายเหงาได้
บ้าง
ส่วนวดีนั้น การได้ร่วมเสพกับคนสนิททั้งสองคนนั้นมันเหมือนเป็นการปลดปล่อยความต้องการทางเพศที่มากมายของเธอออกมา และยากที่จะเก็บมันไว้อีกต่อไป แต่เธอก็ไม่กล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อ
ต่อห้าน้ำเย็นมากนัก เพราะรู้ดีว่าน้ำเย็นนั้นหลังจากที่สูญเสียพ่อไป เขาก็ได้ทุ่มความรักทั้งหมดให้กับเธอและมนทการ โดยคิดว่าเธอเป็นแม่ และมนทการเป็นพี่สาว เธอจึงพยายามหักห้ามใจเอาไว้ตลอดเวลา
แต่ความใคร่นั้นมันเป็นเหมือนไฟ ที่คอยเผาพลานจิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของแต่ละคนให้มลายหายไปสิ้น
วันเวลาผ่านไปจนถึงคืนพระจันทร์เต็มดวง
วันนั้นมนทการกระสบกระส่ายอย่างหนัก เพราะเธอไม่ได้ข่าวจากเศรษฐพงษ์มาหลายวันแล้ว ด้วยความหงุดหงิดกลั่ดกลุ่มเย็นวันนั้นเธอเห็นลุงมีกับน้าพรกำลังตั้งวงเหล้ากันที่ริมชายหาด เธอจึงขอร่วมวง
ด้วย โดยให้น้าพรไปเบิกไวน์จากในครัว
เมื่อไปถึงห้องครัว น้าพรมองเข้าไปเห็นป้าปริกนั่งหลับบนเก้าอี้ตัวโปรด ... อ่านทั้งเรื่อง