ไม่นึกฝันมาก่อนเลยครับสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองหลวงของนิสิตจบใหม่อย่างผมนี่ จะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุดตั้งแต่เกิดมา ซึ่งนอกจากจะต้องผจญกับการแก่งแย่งครอบครองพื้นที่ในการขึ้นรถโดยสารเพื่อเดินทางไปไหนมาไหนตลอดทั้งวันเพื่อ “ขายงาน”ตามตำแหน่งเซลล์ตามที่ร่ำเรียนมาเมื่อสมัยอยู่มหาลัยชื่อดังทางภาคเหนือนั้น ไอ้เจ้ามลพิษทางอากาศในเมืองกรุงที่ทั้งเหม็นทั้งร้อนแถมรถยังติด-ติ๊ด-ติด จนบางครั้งระยะทางแค่ไม่ถึงยี่สิบกิโลดีจากฝั่งธนข้ามไปยังรัชดาแค่นี้ต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าๆแบบนี้ ทำให้คนเหนืออย่างผมถึงกับเป็นภูมิแพ้ขึ้นมาทันที ส่วนไอ้เรื่องซื้อรถซื้อรามาใช้น่ะหรอหากเทียบกับรายจ่ายในแต่ละเดือนแล้วยังเป็นเรื่องอีกนานครับ ลำพังเพียงแค่เงินเดือน+ค่าคอมราวๆสองหมื่นกว่าต่อเดือนนี่ก็แทบไม่พอต่อการผ่อนค่าห้องที่ซื้อไว้เป็นเรือนหอร่วมกับเมียผมหรอกครับ แรกๆยอมรับเลยว่าท้อจนแทบจะลาออกกลับบ้านไปอยู่กับแม่อยู่เหมือนกัน แต่คิดดูแล้วหากกลับไปปล่อยให้เมียต้องทำงานอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่กีเดือนมีหวังเขางอกบนหัวแน่ๆ อ้าวคิดดูสิกับตำแหน่งเลขาหน้าห้องที่วันๆต้องเจอกับพวกเฒ่าหัวงูกระเป๋าหนามาก้อร่อก้อติกตลอดทั้งๆที่รู้ว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนแบบนี้มันไว้ใจได้ซะที่ไหนล่ะจริงมั๊ยครับคุณ เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าทุกอย่างมันเริ่มขึ้นตรงการเดินทางไป-กลับในแต่ละวันของผมนี่น่ะสิ ย้อนไปเมื่อราวๆตอนกลางปีที่แล้ว วันนั้นหลังจากต้องกรำสายฝนเบียดเสียดฝูงชนส่งตัวเองขึ้นไปบนรถเมล์ที่ทราบดีอยู่แล้วล่ะครับว่า ถึงแม้จะยังเช้าไม่ถึงเจ็ดโมงดีอย่างนี้การข้ามฝั่งจากบางแคมานั้นคนมันมากขนาดไหน ยิ่งฝนตกลงมาหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ด้วย เพียงแค่ “หาที่ยืน” นั้นมันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผมกับสาวออฟฟิตคนหนึ่งต้องออกอาการเคืองกันนิดๆตอนขึ้นรถ แหมก็ผมจ่อคิวรอขึ้นอยู่แล้วจู่ๆจะมาโทษผมที่คุณเธอต้องเปียกปอนเพียงเพราะผมไม่ยอมให้เธอขึ้นก่อนป้าแก่ๆได้ไงล่ะฮะ นี่ยังไม่เท่าไหร่พอผมขึ้นบนรถได้และเบียดตัวเข้ายืนแทรกตรงราวขวาอันเป็นชัยภูมิที่ดีที่สุด อ้าวลองนึกสภาพรถร้อนสีครีมแดงแบบมีประตูกลางที่อัดคนเอาไว้แน่นจนแทบล้นทะลักออกประตูแล้วต้องจอดนิ่งๆเพราะรถติดโคตรนานแถมหน้าต่างก็เปิดไม่ได้แบบนี้ดูสิ คนที่อยู่ใต้กลางการเป่าของพัดลมแบบผมเนี่ย มันช่างเป็นเรื่องที่ถือว่าโชคดีมากๆเลยไม่ใช่รึไง ครั้นพอรถเคลื่อนตัวกระดึ๊บๆไปได้สักสองป้ายแล... อ่านทั้งเรื่อง