ขายได้นะ ผมคิดถึงสินค้าต่างๆที่พอเอาไปขายได้ และได้ไอเดียเป็นเสื้อผ้าเด็กเล็กเพราะคิดว่ายังไงก็ต้องใช้ และไม่ต้องตามแฟชั่นมากเก็บไว้ขายได้ทั้งปี.. แม่ผมบอกว่าก็ดีนะแต่ขายพวกเสื้อผ้าเด็กโตดีกว่า เพราะเด็กเล็กโตเร็วพ่อแม่คงอยากซื้อเผื่อไว้ก่อน เสื้อเด็กโตคงจะดีกว่า ....พอเอาเรื่องไปปรึกษาพ่อ พ่อก็เห็นด้วยบอกเอาสิ มีลูกช่วยอีกแรงพอดีเลย จากนั้นพวกเราก็สั่งสินค้าจากร้านขายส่งแถวโบ๊เบ้ได้มาหกกล่องใหญ่ๆ .....พอของมาถึง แม่ผมทำการจัดดูความเรียบร้อยของของที่จะขาย ส่วนผมเข้าตัวเมืองไปตกลงกับเจ้าของโรงหนังเรื่องค่าเช่า เพราะเป็นลานจอดรถของโรงหนัง และหาซื้อพวกอุปกรณ์รางแขวน และสิ่งต่างๆที่จำเป็น
โรงหนังแห่งนี้เป็นพวกโรงหนังเกรดบี (พวกหนังที่หลุดออกจากโรงใหญ่แล้วจึงเอามาฉาย) มีลายจอดรถอยู่หน้าโรงหนังก็กว้างพอใช้ได้สามารถตั้งร้านขายของได้เยอะเหมือนกัน แม่กับผมจับฉลากได้ที่ตรงแถวติดๆกับถนน กว้าง 2 เมตรยาว 4 เมตร ค่าเช่าวันละ 60 บาท...... แถวๆ โรงหนังมีตลาดสดอยู่ใกล้ๆด้วย ทำให้คนพลุกพล่านมากๆในวันเสาร์อาทิตย์คนเดินตลอดทั้งวัน ทำให้เราขายได้เรื่อยๆ... หลังจากเริ่มขายไปได้สองเดือนกว่าๆ ก็มาคิดกำไรคร่าวๆ ตกได้กำไรวันละ 400 – 500 บาท ใช้ได้เลย … ผมกับแม่เก็บร้านประมาณเกือบสามทุ่มครึ่งเพราะคนไม่ค่อยมีแล้ว พอประมาณสี่ทุ่มเกือบทุกร้านก็เก็บของกลับบ้านกันหมดแล้ว จะมีแต่ผมกับแม่ที่ต้องรอพ่อมารับกับพวกที่คนมารอยืนดูหนังรอบดึก ซึ่งไม่เยอะมาก ผมเห็นประมาณสิบกว่าคนได้มั้ง โรงหนังไม่ดังก็แบบนี้คนน้อย ปกติพ่อมารับประมาณห้าทุ่มกว่า เพราะพ่อหลังออกเวรสองทุ่ม และก็มักไปดื่มกับเพื่อนๆตำรวจด้วยกันต่อนิดหน่อย แต่บางที
พ่อดื่มติดลมมารับผมกับแม่ช้า บางวันเกือบเที่ยงคืน เล่นเอาผม... อ่านทั้งเรื่อง