หนึ่งในช่วงเศรฐกิจฟองสบู่แม่เป็นโปรแกรมเมอร์ในองค์การระหว่างประเทศซึ่งมีรายได้ดีขึ้นมากในระ
ยะหลังๆนี้จนสามารถชดเชยกับรายได้ของพ่อที่ขาดหายไปและยังคงเหลือให้ฉันใช้จ่ายได้โดยไม่ขาด
มือ แล้วยังสามารถส่งฉันไปเรียนตรีที่อังกฤษได้อีกด้วย ฉันจะกลับมาเมืองไทยทุกปีครั้งละประมาณ ๕-๖
สัปดาห์ ก่อนจะกลับไปเรียน ที่ ลีดส์ ยู ทางด้าน ดนตรีและศิลปะ ปีนี้ฉันสังเกตุเห็นความเปลี่อนแปลง
ภายในบ้านแม่ได้เลื่อนตำแหน่งและมีคนขับรถทำให้พ่อไม่ต้องขับไปส่งทุกเช้าเหมือนเคย อาจจะทำ
ให้พ่อคิดมากและเครียดมากขึ้น ธุรกิจเหล็กที่พ่อมีความเชี่ยวชาญก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น พ่อตกงาน
และสมัครงานมากว่า สามปีแล้วและปีนี้ฉันได้เริ่มคบกับแฟนคนไทยที่นี่ทำให้มีเวลากับที่บ้านน้อยลง
ทำให้ พ่อดูเหมือนจะว้าเหว่มากขึ้นในช่วงก่อนฉันจะกลับไปอังกฤษ แม่ได้พาพ่อกับฉันไปงานเลี้ยงส่ง
นายใหญ่คนเก่าและรับนายใหญ่คนใหม่ ที่บ้านพักของบริษัท ฉันรู้สึกว่าพ่อเครียดและอายอย่างเห็นได้
ชัด เวลามีคนถามถึงเรื่องงาน พ่อจึงไม่ค่อยได้คุยเอาแต่ดื่ม จนแม่ต้องบอกให้ฉันพาพ่อกลับบ้านก่อนทั้งท
ีพ่อก็ยังไม่เมามากฉันขับรถพาพ่อกลับบ้านตลอดทางพ่อพยายามถามถึงเรื่องแฟนกับฉันว่าคบไปถึงไหน
แล้ว ฉันตอบไปตามตรงว่ายังแค่ศึกษากัน พ่อยังถามอะไรคล้ายๆกับว่าเรามีอะไรกันหรือยัง ซึ่งฉันก็แกล้ง
ไม่เข้าใจ แต่ความจริงฉันก็แค่เคยจูบและสำพัสภายนอกเท่านั้น…..(ใช้ปากด้วยแต่ไม่เสร็จ) ซึ่งความจริงถ้า
แฟนฉันกล้ากว่านี้ฉันคงเสร็จเขาไปแล้วเมื่อกลับไปถึงบ้านฉันก็แยกเข้าห้องนอนอาบน้ำและเปลี่ยนชุด
นอนเลยเป็นเสื้อกล้ามหลวมๆกับกางเกงยืดรัดรูปแบบที่ฉันใช้ที่อังกฤษ ขณะที่ฉันกำลังจะเข้านอนก็ได
้ยินเสียงพ่อเล่นเปียโนอยู่ในห้องรับแขก ฉันไม่ได้เล่นดนตรีกับพ่อมานานแล้ว ประกอบกับยังหัวค่ำอย
ู่ฉันจึงเดินไปหาพ่อที่ห้องรับแขกดู โดยไม่ลืมใส่เสื้อคลุมไปด้วย พ่อเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วเหมือนกันกำ
ลังเล่นเพลง Moon Light Sonata ของ Bethoven อยู่ เป็นเพลงโปรดของฉันเลยทีเดียว ฉันเข้าไปนั่ง
ฟัง พ่อยังเล่นได้ดีเหมือนเดิม ทำให้ฉันคิดถึงวันคืนเก่าๆที่เราได้อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นพอจบเพลงพ่อก็
หันมาพูดว่า "พ่อรู้ว่าลูกปิ่นต้องลงมาฟังเพลงนี้""ก็นี่มันเพลงโปรดของปิ่นนี่คะ"... อ่านทั้งเรื่อง