“พี่สะหวาด มาหลบอยู่นี่เอง” คนอยู่ในน้ำหันหน้ามาทางผม เอ้าไม่ใช่พี่สะหวาดและก็ไม่ใช่จันทอน แต่ อูยหัวใจแทบหยุดเต้น พันตรีบุญสม เจ้าของไร่นั่นเอง ผมเคยแต่เห็นท่านในค่าย แต่ท่านไม่รู้จักผม ผมรีบทำท่าตะเบ๊ะ ทำความเคารพ
“ผม พลทหารพงศ์ดนัย.....ครับผม” ผู้พันยิ้มก้วาง ใจคอชื้นขึ้นมาหน่อย
“เออ ไม่ต้องทำความเคารพก็ได้ ไม่ได้อยู่ในหน้าที่ รู้จักกับสะหวาดเรอะ” ท่านถามแบบผู้ใหญ่ใจดี
“ผมเคยมาเดินเล่นแถวนี้ เจอพี่สะหวาดกับลูกชายเขา ก็เลยคุยกันถูคอครับ”
“สะหวาดเขาขอกลับไปดูบ้าน เห็นว่าสงครามค่อย ๆ สงบบ้างแล้ว เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ประมาณ 6-7 ปีแล้ว เขาไม่เคยกลับไปเยี่ยมบ้านเลย เห็นว่า
ถ้าบ้านเมืองเขาปกติดีแล้วค่อยกลับมาลาอีกครั้งหนึ่ง และก็จะขอกลับไปอยู่บ้าน อันที่จริงที่ไร่นี่ ไม่ต้องมีคนเฝ้าก็ได้อยู่ติดค่ายแค่นี้เอง อย่างเวลาตัดหญ้าพวกเราก็มาช่วยพ่อตัดได้อยู่แล้ว” ผู้พันใช้คำแทนตัวว่า พ่อ ฟังดูอบอุ่นดี จึงทำให้ผมนึกอยากจะคุยกับท่าน นาน ๆ “แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น และอีกอย่างสะหวาดกับลูกเป็นคนดี ไม่เคยเรียกร้องอะไร กินอยู่ตามอัตภาพ พ่อก็เลยนึกสงสาร เลยเลี้ยงไว้ ว่าแต่เราเถอะ ชื่ออะไรหละ” เข้าเค้า
“พงศ์ครับ พงศ์ดนัย”
“ชื่อเพราะดีนะ เห็นผักกะเฉดมันทอดยอดเยอะ ก็เลยลงมาเก็บ คิดว่าจะผัดไฟแดงหนะ นี่ก็คิดว่าเยอะพอแล้ว” ว่าพลางเดินขึ้นจากสระ ผมจ้องมองตาไม่กะพริบ เพราะทหารนี่มีอะไรให้ได้เฮ อยู่แล้ว แต่ผิดคาดครับ ท่านนุ่งกางเกงขาสั้น
ผมรับผักกะเฉดจากมือท่าน
“ท่านครับ เดี๋ยวผมผัดให้นะครับ”
“ทำกับข้าวเป็นด้วยเรอะ เราหนะ”
“พอได้ครับ” ผมเดินตามหลังผู้พัน เพื่อกลับกระท่อม จึงได้สำรวจร... อ่านทั้งเรื่อง