เมื่อมาถึงก็มีการแบ่งพี่เลี้ยงกัน หมู่ผมได้พี่เลี้ยงเป็นจ่าวัยกลางคน ชื่อจ่าเข้ม ซึ่งแกก็เข้มสมชื่อจริง ๆ หุ่นดี บึกบึน ผิวคล้ำแดด มาถึงวันแรกแกก็ใจดีต้อนรับพวกเราด้วยการกลิ้งเลยครับ ผมกับเพื่อน ๆ เลยพากันเกลียดขี้หน้าแกนับแต่นั้น
เราฝึกกันคล้าย ๆ แบบทหารเลยครับ มีทั้งซ้ายหัน ขวาหัน คลาน หมอบ เข้าป่า ฝ่าดง ขนาดตอนกลางคืนยังมีเดินทางไกลขึ้นยอดเขาไปปักธงตรงแท็งค์น้ำใหญ่ หลายคนโดนลวดหนามริมทางเกี่ยวเอาได้เลือดอยู่เหมือนกัน
คืนที่สองพวกเราโดนจัดทดสอบความกล้าครับ ไปฐานต่าง ๆ มีหลอกผี ไหว้เจ้าที่เจ้าทางด้วย ก่อนเริ่ม จ่าเข้มแกก็เข้ามาถามในหมู่ ว่าใครมีโรคประจำตัว หรือเป็นโรคหัวใจบ้างมั้ย เพื่อน ๆ รีบชี้มาทางผมทันที เพราะเป็นที่รู้ ๆ กันว่าเป็น จ่าแกเลยให้ผมแยกออกมาเดินตามแก แล้วจูงมือผม คอยดูเพื่อน ๆ ไปตามฐานตลอด พร้อมอธิบายว่าจะมีอะไร ยังไง ไม่ให้ตกใจ
ตอนนี้ความรู้สึกเกลียดแกหายไปหมดแล้วครับ เพราะแกชวนคุย และแสดงความเป็นห่วงตลอด แล้วผมก็เพิ่งเคยเห็นหน้ายิ้ม ๆ ของแกครั้งแรกด้วย ยิ้มก็เป็น ทีตอนฝึก โหดชิบ ช่วงนี้ผมมีเวลาได้สังเกตแกมากขึ้นแล้ว แขนล่ำขนยุบยับของแกจูงผมไปตลอดทาง หนวดเคราไม่ได้โกนขึ้นรก ผมเห็นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกแกเหมือนพ่อเป็นห่วงลูกไม่มีผิด
หลังจบฐานต่าง ๆ แกเรียกให้ผมหอบข้าวของไปนอนด้วยที่บ้านพัก ด้วยเหตุผลว่าเผื่อเป็นอะไรจะได้มีคนดูแล คืนที่สองนี้ผมเลยต้องร่ำลาเพื่อน ๆ เดินตามแกไปที่รถมอร์ไซด์ แล้วซ้อนไปที่บ้านพัก เป็นบ้านพักเล็ก ๆ ธรรมดา มีสองชั้นคล้าย ๆ บ้านพักตำรวจ จ่าเข้มก็บอกให้ผมไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย แล้วแกก็เอาโอวัลตินมาให้ดื่ม พร้อมจัดที่นอนให้นอนข้าง ๆ แล้วถอดเสื้อนุ่งผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำบ้าง
ก่อนนอนแกก็ชวนคุยไปเรื่อย จนผมหลับไปด้วยความเพลีย มารู้สึกตัวอีกทีตอนแกพลิกตัวมากอดเหมือนผมเป็นหมอนข้าง แต่ผมก็ไม่สนใจอะไร ด้วยความที่เป็นคนขี้เซาอยู่แล้ว เลยหลับต่อยันตีสี่กว่าได้ แกก็ปลุกให้เตรียมตัว ผมเพิ่งเข้าห้องน้ำไป แกก็มาเคาะประตูให้ผมแง้มมาคุย แล้วบอกว่าอาบต่อกันเดี๋ยว... อ่านทั้งเรื่อง